“ ตุ่มนูนๆ ที่ปูดขึ้นมา ทั้งเจ็บทั้งปวด เเท้จริงเเล้วเป็นสิวหรือฝีกันเเน่ ”
เรามักจะคิดว่า มันตุ่มนูนสีแดงที่ปูดขึ้นนั่นคือ “ สิว ” ซึ่งอาจจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ เเละบางครั้งมีก็อาการอักเสบร่วมด้วย เเต่เเท้จริงตุ่มนูนเเดงที่เกิดนั้นอาจไม่ใช่สิวสมอไปเเต่อาจเป็น “ ฝี ” ก็ได้ เเละด้วยความที่สิวเเละฝีนั้นมีลักษณะที่คล้ายกัน
วันนี้ไอบีจะพาทุกคนมาเเยกความเเตกต่างระหว่าง “ สิว ” หรือ “ฝี ”
“ สิว”
มีลักษณะเป็นเม็ดที่มีทั้งขนาดเล็กเเละขนาดใหญ่ อาจมีหัวสิวหรือไม่มีก็ได้เเล้วเเต่ชนิดของสิวที่เราเป็น พบมากบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้า คอ แผ่นหลัง ซึ่งสาเหตุของการเกิดมีได้หลายสาเหตุ หลักๆก็จะเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ต่อมไขมันทำงานมากไป ติดเชื้อเเบคทีเรีย เป็นต้น “ สิว” ที่มีการอักเสบรุนเเรงจะเจ็บปวดมาก และมีลักษณะคล้าย “ ฝี ”ได้
“ ฝี”
มีลักษณะเป็นตุ่มนูนหัวสีขาว หรือนูนสีแดงซึ่งเป็นตุ่มหนองอักเสบ สามารถพบได้ทั้งอวัยวะภายในเเละภายนอก จะมีอาการเจ็บเวลาไปโดน เริ่มเเรกจะมีตุ่มนูนแดงจากนั้นจะเริ่มมีตุ่มใหญ่ไปเรื่อยๆ เเละเริ่มมีหนองภายใน หากรุนเเรงมากจะทำให้ผิวหนังรอบฝีอักเสบไปด้วย หรืออาจหนักไปจนถึงมีไข้ร่วมด้วย สาเหตุหลักๆ เกิดมาจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อเเบคทีเรีย เป็นต้น
“ สิว” กับ “ ฝี” เเตกต่างกันอย่างไร ?
ฝีเป็นตุ่มนูนหนองอักเสบเเละมีอาการปวดมากกว่าสิว ส่วนสิวนั้นจะขึ้นเป็นเม็ดตั้งเเต่เล็กๆไปจนถึงใหญ่อาจเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้
ฝีมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเเบคทีเรีย ส่วนสิวมีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันรูขุมข ฮอร์โมน ต่อมไขมันทำงานมากไป เเละสาเหตุอื่นๆ
การรักษา “ สิว ” กับ “ ฝี ” เเตกต่างกันหรือไม่ ?
ฝีที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เราสามารถประคบด้วยน้ำอุ่นวันละประมาณ 2-3 ครั้ง(ครั้งละ 15-20 นาที)
หากฝีมีขนาดที่ใหญ่เเละอักเสบมาก ควรไปพบแพทย์ เพื่อให้สั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษา หรือการเจาะเเละผ่าเพื่อระบายหนองออกมา
การรักษาสิวนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เช่น การรักษาความสะอาด ใช้ยารักษาสิวที่มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อเเบคทีเรีย เข่น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ กรดวิตามินเอ เป็นต้น หรือสมุนไพรที่มีคุณสมบัติรักษาสิว
รักษาสิวด้วยเทคโนโลยีความงาม LED LASER เพื่อช่วยยับยั้งการทำงานเชื้อเเบคทีเรีย จึงช่วยลดการเกิดสิวได้
